สังเกตกันหรือเปล่าเอ่ย? หลายเรื่องที่ผ่านมาของแตบมักจะกล่าวถึงแต่เรื่องราวในอดีตเป็นส่วนใหญ่ เหตุผลของแตบก็คือ..เรื่องราวในอดีตมันสนุกและมีความทรงจำอันสวยงามอยู่มากมายหลายร้อยเรื่องไงคะ มันต่างกับชีวิตในวัยปัจจุบันของแตบลิบลับ ซึ่งนอกจากไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจแล้ว เผลอๆแตบยังรู้สึกว่าความสุขในชีวิตมันแสนจะลดน้อยถอยลงยังไงไม่ทราบนั่นเอง(ทั้งๆที่ชีวิตครอบครัวราบรื่นดีจนหลายคนอิจฉา)
ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก สมัยเด็กๆแตบเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองจนน่ารังเกียจเลยทีเดียวค่ะ ด้วยความที่เป็นเด็กเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ของชั้นเรียนมาตลอด บวกกับมีความสามารถทางศิลปะเป็นเลิศนี้เอง ที่ทำให้พ่อ-แม่,ครูบาอาจารย์ ต่างรุมยกย่องชื่นชม แตบเองก็พลอยหลงใหลได้ปลื้มไปด้วย เหตุผลนี้เองที่ทำให้แตบพยายามรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ให้ดีตลอดเวลา ชนิดที่เรียกว่า "อย่าแพ้ใครเด็ดขาด"(โตขึ้นถึงรู้ว่าตัวเองมีความคิดที่ผิดพลาดมหันต์) ถ้าเพื่อนร่วมชั้นคนไหนตอบคำถามครูได้มากว่า หรือ มีแววจะเรียนเก่งเทียบเท่าแตบขึ้นมาบ้างล่ะก็ เธอมักจะตกเป็นเป้าโจมตีของแตบเสมอ จนบางคนถึงขั้นย้ายโรงเรียนหนีไปหมู่บ้านอื่นก็มี ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ แตบตั้งตัวเป็นหัวโจกของเพื่อนๆค่ะ(ตัวเล็กสุดในชั้นเรียนแต่แสบสุด) ไม่ว่าแตบจะคิดหรือพูดอะไร ก็ห้ามโต้แย้งเด็ดขาด ใครแข็งข้อเป็นได้เห็นดีทุกรายไป ลืมบอกไปนิดส์นึง แตบเป็นเด็กที่เติบโตในรั้วโรงเรียนน่ะค่ะ เนื่องจากคุณพ่อของแตบมีอาชีพ"เป็นภารโรง"ในโรงเรียนประถมที่แตบเรียนอยู่นั้นเอง แต่เป็นภารโรงที่ครูเล็ก-ครูใหญ่ให้ความเคารพนับถือกันถ้วนทั่ว เนื่องจากพ่อเป็นคนดีมีน้ำใจ และทำงานอย่างขยันขันแข็งมากๆ ครูทุกคนต้องเคยกินช้าวที่บ้านแตบ หลายคนเดือดร้อนเงินทองก็จะมักมาขอความช่วยเหลือจากพ่อเป็นประจำ พ่อของแตบก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ บ่อยครั้งเหลือเกินที่พ่อมักจะเดือดร้อนเพราะการช่วยเหลือคน แต่พ่อก็ไม่เคยเข็ด ด้วยความที่ครูทุกคนเกรงอกเกรงใจพ่อนี้เอง ที่ทำให้แตบพลอยได้รับการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าเด็กทั่วๆไป ไม่ว่าจะทำตัวเกเรแค่ไหน ครูก็ไม่กล้าเฆี่ยนตีด้วยไม้เรียวเด็ดขาด อย่างมากก็แค่อบรมสั่งสอนบ้างพอเป็นพิธี แต่ถ้าเกเรจนเกินเหตุ ครูก็จะนำเรื่องนั้นมาปรึกษาแม่ของแตบ สุดท้ายแล้ว คนทีดุและตีแตบจะเป็นแม่ของแตบเองค่ะ(ฮือๆ..เจ็บใจ๊เจ็บใจ) มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แตบเกเรมากๆ และบังเอิญแม่ผ่านไปเห็นพฤติกรรมเข้าเต็มๆ(บ้านเราอยู่ในโรงเรียนไงคะ) แม่จึงกลับบ้านไปตัดไม้ไผ่เนื้อดีมานั่งเหลาเป็นไม้เรียว แล้วนำมามอบให้ครูประจำชั้น จำนวนครึ่งโหลพอดิบพอดี เพื่อเอาไว้ใช้ตีแตบคนเดียว แถมยังบอกครูอีกว่าหมดแล้วให้บอก จะเหลามาเพิ่ม แม่ย้ำนักย้ำหนาว่า "ต้องตีให้ได้ ตีแรงๆ ให้มันหราบจำ ห้ามเกรงใจแม่เด็ดขาด!" วันนั้นแตบซ่าส์ไม่ออกเกือบทั้งวันเลยค่ะ แต่ยังไม่วายคิดอาฆาตครูล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
ในที่สุด ครูประจำชั้นก็มีโอกาสใช้ไม้เรียวของแม่ค่ะ วันนั้นแตบไปรังแกเพื่อน(ตามเคย) ครูก็เลยหวดก้นแตบไม่ยั้งมือ(คงเก็บกดกับแตบมามาก) ครูตีก้นแตบ 3 ครั้ง ครั้งละแรงๆ จนก้นแตบแดงระบมมีเลือดซิบๆ สังเกตเห็นว่าเพื่อนหลายคนรุมยิ้มเยาะด้วยแววตาเหยียดหยามและซ้ำเติมแตบกันไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่ "นังบุญหนา" เพื่อนกะเทยมือขวาคนสนิทของแตบเอง เจ็บตัวไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ็บใจนี่สิคะ ฮึ่มๆ
หลังวันแห่ง "ไม้เรียวประวัติศาสตร์" แตบเริ่มทำตัว สงบเสงี่ยม เรียบร้อยและเป็นเด็กดีมากขึ้น แต่..โบราณกล่าวไว้ว่า "น้ำนิ่งอย่าวางใจ" อิอิ ใช่ค่ะ เพราะภายใต้ใบหน้าสดใสเป็นมิตรของแตบนั้น มันมีความโกรธแค้นรุนแรงซุกซ่อนอยู่ตลอดเวลา "สักวันแตบจะต้องเอาคืนให้ได้ " เด็กน้อยครุ่นคิดวางแผนอย่างเงียบๆเพียงลำพัง..??!! โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น