วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การผจญภัยของ "ศุภโชค"


นอกจากสุนัขแล้ว ที่บ้านแตบยังเลี้ยงแมวอีก 6 ตัว โดยที่ 4 ตัวเลี้ยงบนห้องทำงานซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องโล่งๆไปแล้ว(ให้แมวอยู่โดยเฉพาะ) ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือนั้น แตบให้กินอยู่หลับนอนที่ชั้นล่างของบ้าน และนี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้บ้านแตบมีโอกาสต้อนรับเจ้าแมวขาจรที่ชื่อ "ศุภโชค" ก็เป็นได้
จะด้วยเหตุผลที่ว่าแมว 2 ตัวที่บ้านชั้นล่างของแตบ(โนวา กับ เฮงเฮง)เป็นตัวเมีย หรือเพราะถาดอาหารเม็ดที่แตบคอยเติมเต็มตลอดก็ไม่รู้ ที่ดึงดูดเจ้าแมวจรจัดเพศผู้ตัวใหญ่หน้าตามอมแมมให้แวะเวียนเข้ามาบ่อยๆ จนกลืนกลายเป็นสมาชิกขาประจำของบ้านแตบไปในที่สุด แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ช่างเถอะ ไหนๆเจ้าแมวขาจรตัวนี้ก็ไว้วางใจจนสามารถอาศัยชายคาบ้านแตบเป็นที่พักพิงหลับนอนทุกค่ำคืนไปแล้ว
ช่วงระยะเริ่มแรกที่เจ้าแมวมอมแมมตัวใหญ่นี้แอบย่องเข้ามาทางเรือนกล้วยไม้หลังบ้าน ดูเหมือนมันจะยังประหม่าและระแวดระวังตัวอยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่แตบส่งเสียงหรือขยับตัว มันจะกระโจนพรวดไปตั้งหลักบนกำแพงทันที รอจนแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วถึงจะย่องกลับเข้ามาใหม่ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงหน้าฝนที่มีฝนตกกลางคืนเกือบทุกวัน เจ้าแมวถึกมักเปียกโชกอยู่เป็นประจำ แตบอยากจับมาเช็ดตัวและพาเข้านอนในบ้าน แต่มันก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ถึงจะพยายามแสดงความเป็นมิตรอย่างจริงใจให้เห็นก็ตามที กว่าเจ้าแมวใหญ่จะไว้วางใจจนยอมให้อุ้มให้จับแต่โดยดีได้ แตบก็โดนตะปบกัดจนเลือดสาดมาแล้วหลายหนจนนับไม่ถ้วน หลังจากที่เราต่างทำความคุ้นเคยและเชื่อใจซึ่งกันและกันแล้ว แตบก็ตั้งชื่อให้ว่า "ศุภโชค" ซึ่งแปลว่า "โชคดี" เพื่อความเป็นศิริมงคลกับชีวิตของแมวเร่ร่อนจรจัดอย่างมันนั่นเอง หลังจากที่คุ้นเคยกันแตบก็จับมาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณและรักษาแผลเรื้อรังที่เหวอะหวะตามตัว รวมทั้งจัดที่หลับนอนในบ้านให้ ซึ่งเจ้าศุภโชคก็อาศัยนอนเพียงช่วงกลางคืนเท่านั้นเอง พอวันรุ่งขึ้นก็เผ่นไปผจญภัยในโลกกว้างอย่างที่เคยเป็น บางครั้งหายหน้าหายตาไปหลายวัน แต่พอโผล่มาทีไรก็นำแผลเก่าแผลใหม่มาอวดซะทุกครั้ง..รักษาไม่เคยหายสักที ถึงจะเป็นเพียงเจ้าแมวจรจัด แต่ก็นับว่าชีวิตของเจ้าศุภโชคยัง "โชคดี" อยู่ไม่น้อย ที่มีทำเลให้เร่ร่อนอยู่ในย่านของคนรักสัตว์ ทั้ง "อ.สมชาย","พี่เปี๊ยก" และ "ใครต่อใครอีกมากมายหลายคน" ที่ต่างให้ความรักความเมตตากับมันไม่น้อยไปกว่ากัน เรียกได้ว่าชีวิตไม่เคยอดสูเลยทีเดียวเชียวแหละ
 อาจเป็นเพราะความเมตตากรุณาของคนในย่านบ้านแตบนั่นเอง ที่ทำให้เจ้าศุภโชคยสมัครใจที่จะทำตัวเป็นแมวไร้หลักแหล่งที่แน่นอนเช่นนั้นมาโดยตลอด แม้ว่าร่างกายภายนอกจะเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้กับแมวจรจัดตัวอื่นก็ตามที แต่แตบก็เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดมันก็คงมีความสุขอยู่บ้างที่ได้เดินทางท่องเที่ยวผจญภัยอย่างอิสระในโลกของมัน

2 ความคิดเห็น:

always on my mind... กล่าวว่า...

อ่านบทความของคุณแตบเรื่องนี้ทีไร
ก็รู้สึกบางอย่างทุกที
เพราะเป็นคนรักแมวมากมาก
มองภาพเจ้าศุภโชคแล้ว
รู้สึกได้ถึงประสบการณ์ชีวิต
และแววตาแข็งแข็งของมัน
ที่บ้านผมมีแมวเล้กเล้กตัวหนึ่ง
มันสีส้มแบบแมวไทยธรรมดา
พ่อมันน่าจะเป็นแมวจรจัด
ที่มาเฝ้าแมวแถวนั้น
ทำให้แถวบ้านมีลูกแมวสีส้มเต็มไปหมด
แต่พอมองลุกแมวที่บ้านตัวเองแล้ว
ซึ่งพอคลอดออกมา
ก็ถุกเลี้ยงในบ้านมาตลอด
กับแมวที่ออกหากินด้วยตัวเอง
"แววตา"ของพวกมัน
ดูจะต่างกันมากมาก...
บางครั้งให้อาหารพวกแมวจรจัด
มันก็ยังมีความรู้สึกระวังตัวอยู่ตลอด
(คงเพราะต้องสูกับชีวิตตลอด)
อ่านบทความของคุณแตบบทนี้ทีไร
ก้อดนึกถึงแมวเหล่านั้นไม่ได้ทุกที

Madame Tabb กล่าวว่า...

จริงๆแล้วแตบจะรักทั้งน้องหมาและน้องแมวนะคะ
ที่บ้านแตบสัตว์ทั้งสองสายพันธุ์นี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมาก นอนกอดนอนฟัดกันเป็นประจำ
แตบเห็นด้วยค่ะ แมวจรเขาจะค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก เมื่อไม่นานมานี้เจ้าศุภโชคก็พาแมวเพศผู้พันธุ์วิเชียรมาศมาฝากตัวกับแตบ(สงสัยเป็นคู่เกย์กัน อิอิ) ทั้งๆที่ให้ที่กินที่นอนอย่างดี มันยังทำร้ายร่างกายแตบบ่อยๆเลย ไม่รู้เมื่อไหร่จะเชื่องเหมือนศุภโชคเสียที
เห็นรูปน้องแมวของคุณแล้ว แตบคิดถึง"น้องมะละกอ"ของแตบจัง เธอเป็นแมวสามสี(หนักไปทางส้มเป็นหลัก)แบบนี้แหละค่ะ อ้วนน่ารักมากๆ ช่วงที่แตบพาเธอย้ายมาอยู่ที่ร่มเกล้า เธออยู่ได้ไม่ถึง 3 วัน ก็หนีหายไปเลย ไม่รู้ว่าทุกวันนี้จะเป็นไงบ้าง