วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เมื่อสิ่งที่เรียกว่าความเจริญเดินทางมาถึง

หลังจากที่หมกตัวอยู่แต่ในถ้ำมานานหลายเดือน แล้วในที่สุดวันนี้แตบก็มีโอกาสเดินทางออกนอกบ้านเข้าชุมชนเมืองเสียที(ไปซื้อของใช้ย่านบางกะปิ)
 ด้วยความที่ต้องย้ายภูมิลำเนามาอยู่ในหมู่บ้านย่านชานเมืองนี้เอง ที่ทำให้วิถีการดำรงชีวิตของแตบถูกปรับเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว จากคนที่หลงใหลความคึกคักของสังคมเมือง อันศิวิไลซ์ กลายมาเป็นคนรักความเงียบสงบและชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับการได้อยู่แต่ในบ้านกับต้นไม้และสัตว์เลี้ยงเสียอย่างนั้น อาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้การออกนอกบ้านครั้งนี้เป็นไปแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แต่ก็ต้องไป

สิ่งแรกที่ทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกแปลกๆของตัวเองนั่นคือน้ำหนักเท้าและจังหวะก้าวย่าง แตบรู้สึกมันไร้น้ำหนักยังไงไม่รู้ เหมือนกำลังขาดสมดุลย์อะไรบางอย่างไป คิดๆดูก็อดขำตัวเองไม่ได้นะคะเนี่ย ไม่นึกว่าระยะเวลาเพียง 4 ปีจะเปลี่ยนแปลงความเป็น "มาดามแตบ" ได้ถึงเพียงนี้ แต่ก็เอาเถอะ นานๆจะออกไปดูโลกภายนอกบ้าง ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศก็แล้วกัน แตบนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างจากในหมู่บ้านไปรอรถตู้ที่ปากทางอีกต่อหนึ่ง ช่วงนี้ในย่านชุมชนของแตบกำลังมีการก่อสร้างปรับเปลี่ยนยกระดับถนนใหญ่เพื่อหนีน้ำท่วมหลังจากที่ทางเขตปล่อยให้มันมีสภาพไม่ต่างจากคลองในทุกฤดูฝนติดต่อกันมานานหลายปีดีดัก บรรยากาศบริเวณดังกล่าวจึงเต็มไปด้วยหลุม-บ่อ และฝุ่นผงฟุ้งกระจาย เห็นแล้วอดนึกถึงถนนในย่านชนบทเมื่อ 20 ปีก่อนไม่ได้จริงๆ บริเวณที่เคยเป็นศาลารอรถประจำทาง ถูกรื้อถอนออกไป และแทนที่ด้วยเพิงสังกะสีสภาพขี้ริ้วขี้เหร่ ใต้หลังคาเพิงแห่งนั้นมีชายวัยกลางคนนั่งรอรถอยู่ก่อนแล้ว แกกำลังกินอะไรสักอย่างจากถุงก๊อบแก๊บ(ท่าทางเอร็ดอร่อย) กินเสร็จตาลุงก็เหวี่ยงถุงใบนั้นทิ้งลงพื้นด้านหลังเพิงไปอย่างไม่ใยดี ทำให้บริเวณโดนรอบที่มีขยะเกลื่อนกลาดอยู่ก่อนแล้วเพิ่มจำนวนขึ้นอีก 1 ชิ้น ปล่อยให้ถังขยะใบใหญ่ใกล้เพิงยืนมองด้วยความหิวโหย แตบเองก็ได้แต่มองดูอย่างอ่อนใจเท่านั้นเอง ทุกครึ่งชั่วโมง ถึงจะมีรถตู้โดยสารผ่านมาสักคัน ถ้าที่นั่งเต็มผู้โดยสารก็ต้องเสียเวลายืนรออีกไม่ต่ำกว่า 30 นาทีเลยทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่ารถเที่ยวต่อไปจะมีที่นั่งเหลืออยู่หรือเปล่า..ต้องวัดดวงกันแล้วล่ะ

สำหรับคนที่รีบร้อน แท็กซี่ และรถสองแถวจึงเป็นทางเลือกในลำดับถัดมา แต่แตบไม่ชอบนั่งรถสองแถว และเสียดายเงินค่าแท็กซี่ จึงสมัครใจที่จะยืนรอรถตู้ด้วยความใจเย็นต่อไป ขณะที่รอรถแตบก็คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยตามประสา ไม่ช้าไม่นานรถโดยสารที่แตบรอก็โฉบเข้ามาจอดรับแตบกับตาลุงมักง่ายคนนั้น แต่ไม่ทันที่รถจะจอดสนิท ยัยซิ้มแต่งตัวดีคนหนึ่งก็โผล่มาปาดหน้าเพื่อแซงขึ้นรถเป็นคนแรกเสียดื้อๆ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเหลือที่สำหรับผู้โดยสารคนเดียวซึ่งมันตกเป็นของยัยซิ้มไปแล้ว ปล่อยให้แตบกับตาลุงคนนั้นยืนเก้อด้วยอาการมึนงงไปชั่วขณะ ถ้านับตามคิวแล้ว ที่ตรงนั้นควรจะเป็นของตาลุงมักง่ายด้วยซ้ำไป แต่ก่อนที่แตบจะตัดสินใจโบกมือเรียกแท็กซี่นั้น ผู้ชาย 2 คนที่เบาะหน้า(ท่าทางเป็นเพื่อนคนขับ)ก็ลงจากรถเพื่อสละที่นั่งให้เรา แตบได้ยินแค่ว่า.. "ไม่เป็นไรใกล้ถึงแล้ว เดี๋ยวต่อสองแถวดีกว่า" แตบกับตาลุงมักง่ายจึงได้ที่นั่งโดยบังเอิญ ถึงแม้แตบจะอารมณ์เสียกับพฤติกรรมของยัยซิ้มเห็นแก่ตัวแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวขอบคุณผู้ชายปอนๆ 2 คนนั้นที่เสียสละที่นั่งให้กับแตบ

ตลอดทางที่แตบนั่งรถไปนั้น แตบก็คิดโน่นคิดนี้ไปเรื่อย นึกถึงภาพตาลุงมักง่ายตอนที่แกเหวี่ยงขยะลงพื้นไป นี่ถ้าเป็นสมัยผู้ว่า ดร.พิจิตรล่ะก็ ตาลุงคงจะถูกจับปรับไปแล้วแน่นอน และพอนึกถึงพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของยัยซิ้มไร้มารยาทก็อดนึกถึงการอบรมสั่งสอนของแม่แตบไม่ได้ แม่แตบเป็นคนบ้านคอกนาและเรียนจบแค่ชั้น ป.4 ก็จริง แต่แม่ก็รู้จักปลูกฝังลูกเรื่องมารยาทผู้ดีให้ลูกมาโดยตลอด สำหรับยัยซิ้มคนนี้แตบว่าท่าทางแม่ของแกคงจะลืมสอนเรื่องนี้ไปแน่ๆเลย หรืออาจจะสอนแต่แกไม่เคยจำ แต่ก็เอาเถอะค่ะ ถึงแกไม่ตัดหน้าแย่งที่นั่ง แตบก็จะเสียสละให้แกอยู่ดี เพียงแต่รู้สึกอ่อนใจกับพฤติกรรมของคนประเภทนี้เท่านั้นเอง การที่ได้เดินทางออกนอกบ้านหนนี้ แตบได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งสิ่งปลูกสร้างรูปทรงทันสมัยที่นับวันจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆราวกับดอกเห็ด ได้เห็นการปรับปรุงสภาพถนนเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน ได้เห็นความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยตามศูนย์การค้า ได้เห็นผู้คนใส่ใจรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวให้ดูดีมากขึ้น(สังเกตุจากป้ายโฆษณาน้อยใจตามสถานที่ต่างๆ) แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยนั่นคือ "สันดานคน"

เมื่อสิบปีที่แล้ว คนไทยจำนวนมากในสังคมเมืองมักง่ายและเห็นแก่ตัวอย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น เผลอๆแย่ลงกว่าเดิมหลายเท่าตัวด้วยซ้ำ มันเป็นอะไรที่มาพร้อมความเจริญทางด้านวัตถุจริงๆ ตกลงแล้วเรื่องนี้เป็นความผิดของวัตถุ หรือตัวบุคคล เก็บไปคิดดูเล่นๆก็แล้วกันนะคะ(หมายถึงคิดเล่นๆ อย่าคิดจริงๆ..เดี๋ยวปวดหัว)

3 ความคิดเห็น:

memorry กล่าวว่า...

เง้อ รูปไม่ขึ้นค่ะ คุงพี่ แก้ไขด่วน !! อยากดู

someone กล่าวว่า...

ผมว่า............. ผมไม่คิดดีกว่า เด๋วปวดหัว

memorry กล่าวว่า...

หวัดดีค่ะ คุงพี่
มาตอบคำถามที่ถามไว้ค่ะ เพิ่งเห็น comment คิคิ
คุงน้องคือ คนผมยาวค่ะ คนที่ซ้อน ATV อ่ะ คนขับคือคุงแฟน
จากรูปก็จะมี น้องหมาชื่อ ปิ๊ดปี๋ และก้อพ่อแม่คุงแฟนค่ะ
เที่ยวเผื่อด้วยน๊าาา .....