วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

อิ่มบุญ

ถ้าใครแอบติดตามอ่านบล็อกของแตบมาตลอด ก็คงพอจะจำเรื่อง "โปรเจคบุญ" และ "ครูห่อหมก" ที่แตบเชิญชวนบริจาคทุนทรัพย์และสิ่งของเพื่อช่วยเหลือคุณครูบุปผา หมุนสา ที่โรงเรียนวิชาวดี ต.ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ได้นะคะ
 เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แตบนำเรื่องนี้ไปไปโพสเชิญชวนเพื่อนสมาชิกในเวบบอร์ดนางงามที่แตบเป็นสมาชิกอยู่ เพื่อระดมความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน ซึ่งก็มีสมาชิกให้ความสนใจพอสมควร มีสมาชิกหลายคนติดต่อให้การสนับสนุนเข้ามาเป็นระยะๆ บางคนช่วยด้วยกำลังทรัพย์ไม่ได้แต่ก็ให้กำลังใจ บางคนอยู่ถึงต่างประเทศแต่ก็ยังมีน้ำใจโอนเงินมาสมทบมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันเพื่อนๆที่ร่วมเป็นแกนนำก็อาสาช่วยกันระดมทุนในหน่วยงานของแต่ละคนเป็นการใหญ่ แตบเองก็ถือโอกาศนี้บอกบุญพี่ๆที่คุ้นเคยในระแวกบ้านด้วย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อโครงการเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น แตบจึงโทรศัพท์แจ้งกำหนดวันและเวลาในการเดินทางไปเยี่ยมเยียนคุณครูบุปผาให้ท่านทราบ แรกๆที่พูดคุยทางโทรศัพท์ ดูเหมือนท่านจะประหลาดใจพอสมควร แต่หลังจากที่แตบแนะนำตัวและอธิบายรายละเอียดแล้วท่านก็เข้าใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 และแล้ว วันที่ 28 ก.พ. 2552 ซึ่งเป็นกำหนดการณ์การเดินทางก็มาถึง แตบพร้อมเพื่อนสมาชิกกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งจึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง จ.นครสวรรค์ในเช้าวันนั้น ในรถคันที่เป็นกลุ่มของแตบมีสมาชิกรวม 5 คน ระหว่างทางมีเพื่อนสมาชิกคนหนึ่งยืนรอมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนให้เราได้แวะรับด้วย เสียดายที่น้องคนนั้นติดสอบจึงร่วมเดินทางไปกับเราไม่ได้ ระหว่างทางมีเพื่อนสมาชิกที่ร่วมบริจาค(แต่ไม่ได้ร่วมเดินทาง)โทรศัพท์ติดต่อทักทายและให้กำลังใจเข้ามาเป็นระยะๆ ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นอยู่แล้วยิ่งทวีความอบอุ่นมากขึ้น มากถึงขนาดที่ทำให้เราลืมเรื่องระยะทางไกลๆไปเลยทีเดียว
  แตบและกลุ่มเพื่อนๆในรถ ต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานไปตลอดทาง ไม่ช้าไม่นานเราก็ถึงปั๊ม ปตท.ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย มีเพื่อนอีกคนที่เดินทางมาจาก จ.กำแพงเพชร นั่งรอกลุ่มของเราอยู่ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นไม่นานก็มีเพื่อนสมาชิกอีกคนเดินทางจาก จ.นนทบุรีมาสมทบ สรุปแล้วในการเดินทางไปบำเพ็ญประโยชน์ครั้งนี้ของพวกเรา มีสมาชิกที่ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน
 หลังจากพูดจาทักทายกันพอหอมปากหอมคอ พวกเราก็ไม่รีรอ เริ่มลงมือตรวจนับและตรวจเช็คหลักฐานการบริจาคต่างๆทันที รวมยอดเงินบริจาคทั้งหมดได้ 23,600 บาท(สองหมื่นสามพันหกร้อยบาทถ้วน) นับว่าเป็นยอดเงินที่มากเกินกว่าที่เราคาดหมายเอาไว้เสียอีก ทุกคนยินดีปรีดากันถ้วนหน้า ที่เห็นยอดบริจาคมากมายอย่างนั้น พวกเราถ่ายรูปร่วมกันบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อในตัวเมืองเพื่อเป็นหลักฐานในกิจกรรมอันบริสุทธิ์ครั้งนี้ ก่อนจะหอบเงินบริจาคที่รวบรวมได้ก้อนนั้นมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนวิชาวดี ซึ่งอยู่ถัดออกไปอีกไปไกลนัก ขับรถไม่นานก็ถึงทางเข้าโรงเรียน แต่ช่างเป็นทางเข้าโรงเรียนที่ค่อนข้างจะเปลี่ยว และลึกพอสมควร สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ใหญ่และป่าหญ้ารกท่วม ไม่แปลกใจเลยค่ะ ที่หลายคนในจังหวัดนครสวรรค์ไม่เคยรู้จักโรงเรียนแห่งนี้มาก่อน และแล้วเราก็เดินทางถึงโรงเรียนวิชาวดีอันเป็นจุดหมายปลายทางของเรา ดูเหมือนว่างานเลี้ยงต้อนรับอะไรสักอย่างเพิ่งจะเลิกราไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนี้เอง ทราบภายหลังว่า บ.ซีพี เดินทางมาเลี้ยงอาหารเด็กๆนั่นเอง(ดีใจแทนเด็กๆจัง) แตบมองเห็นคุณครูบุปผายืนมองรถยนต์ของพวกเราด้วยความประหลาดใจ(สงสัยครูคงจะจำที่แตบโทรนัดหมายไม่ได้..หรืออาจจะจำได้แต่ยังไม่แน่ใจ) แต่ยังไม่ทันที่พวกเราก้าวลงจากรถ ท่านก็ยิ้มต้อนรับพร้อมยกมือไหว้คณะสมาชิกของเราทุกคน จนพวกเราแทบยกมือขึ้นไหว้ครูแทบไม่ทัน ไม่รอช้าค่ะ พวกเรารีบชิงแนะนำตัวพร้อมบอกกล่าวจุดประสงค์ในการมาเยือนทันที ครูกล่าวต้อนรับ และขอบคุณพวกเราเป็นการใหญ่ รอยยิ้มของครูบ่งบอกถึงความปลาบปลื้มยินดี(สีหน้าและแววตาของครูเป็นภาพที่น่าประทับใจมากค่ะ) น้องๆคณะครูในโรงเรียนก็ออกมาไหว้สวีสดีพวกเราอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะกุลีกุจอหาน้ำท่ามาต้อนรับ
พวกเราอารัมบทกับครูเล็กน้อยก่อนจะมอบเงินบริจาคที่พวกเรารวบรวมได้จากทั่วสารทิศก้อนนั้นให้กับครูเพื่อเป็นทุนในการใช้จ่ายสำหรับเด็กๆต่อไป โดยไม่ลืมที่จะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ช่วงที่คุณครูบุปผาและทางโรงเรียนเลี้ยงอาหารกลางวันแก่พวกเรานั้น ท่านได้ให้เกียรติเล่าประวัติความเป็นมาของโรงเรียน และเปิดเผยถึงสาเหตุในการอุปการะเด็กยากจนให้พวกเราฟัง ทุกคนฟังด้วยความตั้งใจ บางช่วงบางตอนที่ครูเล่าทำเอาพวกเราหลายคนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นการเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็ทำให้เราได้รับรู้ว่า ความเสียสละของคุณครูบุปผานั้นมากมายกว่าที่แตบเคยรู้มาเสียอีก ถึงแม้จะมีหน่วยงานเอกชนหลายแห่งหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้เป็นระยะ แต่สภาพโรงเรียนที่พวกเราเห็นนั้นก็ยังดูไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ทั้งนี้เนื่องจากอาคารเรียนที่มีอยู่เพียงอาคารเดียวนั้นค่อนข้างจะเก่าแก่มากแล้ว เมื่อฤดูน้ำหลากมาถึง ชั้นล่างของอาคารหลังนี้จะถูกน้ำท่วมจนเสียหายทุกครั้งไป หากต้องปลูกสร้างใหม่คงจะไม่ไหวแน่นอน เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก ทางเดียวที่พอทำได้คือ ปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่เสียหายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะซ่อมไม่ไหวนั่นเอง แตบอดนึกเล่นๆไม่ได้ว่า ถ้าวันหนึ่งวันใด ไม่มีแม่พระอย่างคุณครูบุปผาแล้ว โรงเรียนแห่งนี้จะเป็นอย่างไร จะมีใครสืบสานเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของครูต่อไปไหม? อนาคตของเด็กยากจนและเด็กเร่ร่อนจะเป็นอย่างไร?..คิดแล้วใจหายจริงๆค่ะ

เสียดายที่วันนั้นเรามีเวลาอยู่ไม่มาก เนื่องจากมีเพื่อนที่ร่วมเดินทางต้องรีบกลับไปทำภารกิจกิจที่อื่นต่อ แต่ก่อนกลับเราถ่ายรูปกับครูไว้เป็นที่ระลึก และสัญญาว่าจะหาโอกาศกลับไปเยี่ยมโรงเรียนวิชาวดีอีกครั้ง ท่านยิ้มขณะที่น้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งยินดี แตบและเพื่อนๆในถานะที่เป็นผู้ให้ต่างปลาบปลื้ม และอิ่มเอมใจไปตามๆกัน ..นี่หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่า "อิ่มบุญ"??
ยังมีคนดีในสังคมที่ยังต่อสู้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในหลายรูปแบบ ถ้าหากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป แตบอยากวิงวอนให้คุณผู้อ่านทุกคนลองกวาดตามองไปรอบๆตัวบ้างสักครั้ง หากมีโอกาสก็ลองหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขา หรือ เธอ เหล่านั้นบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่า ความสุขที่เกิดจากการให้มันอิ่มเอมและยิ่งใหญ่มากว่าความสุขที่ได้จากผับ-บาร์หรือสถานบันเทิงที่คุณวิ่งเร่ตามหาเสียอีก
แตบขอถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกไทยมิสดอทคอมทุกคน และพี่-น้องนอกบอร์ดที่มี "น้ำใจ" และให้การสนับสนุนกิจกรรมครั้งนี้ ขอบคุณทุกคนที่ไม่ปล่อยให้คนดีของสังคมอย่าง "คุณครูบุปผา หมุนสา" ต้องโดดเดียวค่ะ