วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

มรสุม # 2

หลังจากถูกเลิกจ้างจากโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทในปี 2540แล้ว แตบก็ว่างงานอยู่หลายเดือน ก่อนทีจะได้งานด้านโรงแรมอีกครั้ง เป็นโรงแรมหรูย่านสาธร(ที่เดียวกับที่ทำงานของแฟนแตบ) แต่งานที่ใหม่นี่แหล่ะคะ ที่มรสุมแห่งชีวิตลูกใหญ่กำลังรอแตบอยู่
 แตบเริ่มงานในตำแหน่งพนักงานรายวันของแผนกแม่บ้าน ถึงแม้จะได้ค่าแรงแค่เพียงครึ่งเดียวของพนักงานประจำและไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไรจะได้บรรจุ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่านอนมองเพดานห้องไปวันๆแน่นอนค่ะ อีกอย่างแตบอยากมีรายได้ประจำเพื่อจะได้ช่วยแฟนชดใช้หนี้สินที่มีอยู่ด้วย เมื่อทำใจยอมรับสภาพได้แตบก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองด้วยดีเสมอมา ถึงแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของแตบกับแฟนจะไม่ได้สุขสบายมากมายแต่ก็เริ่มมีความหวังที่สดใสขึ้นเรื่อยๆกระทั่ง 6เดือนหลังจากนั้น มีตำแหน่งพนักงานประจำว่างลง 1 อัตรา แตบจึงได้รับโอกาสให้เข้าบรรจุแทน โดยมีกำหนดระยะเวลาทดลองงาน 120 วัน แต่เชื่อหรือไม่คะ..ว่ายังไม่ทันที่แตบจะพ้นเกณฑ์ทดลองงาน แฟนแตบก็ถูกเกณฑ์ทหาร และยังไม่ทันที่แตบจะทำใจกับเรื่องนี้ได้ แตบก็ต้องถูกไล่ออกจากงานหลังจากที่แฟนเดินทางไปเข้ารับการฝึกได้ไม่กี่วัน ด้วยข้อหา "แพะรับบาป" เนื่องจากเกิดการโจรกรรมในห้องพักแขกที่แตบดูแลรับผิดชอบอยู่(ทราบจากทางตำรวจเจ้าของคดี และฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรมว่าทรัพย์สินที่หายไปมีมูลค่ารวมหลายแสนบาท) ถึงแม้แตบจะไม่ได้ขโมยแต่ทางโรงแรมก็ต้องหาคนรับผิดเรื่องนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นทางผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยจะต้องเดือดร้อนเสียเอง นี่ไงคะเหตุผลโง่ๆที่แตบต้องถูกโยนความผิดให้ ถ้าใครเคยเจอสถานการณ์เดียวกับแตบก็คงเข้าใจนะคะว่า "น้ำตาแพะ" มันเป็นอย่างไร?! จำได้ว่าวันที่แตบถูกไล่ออกจากงาน แตบมีเงินติดตัวเพียงหนึ่งพันเศษๆเท่านั้นเอง วันนั้นทั้งวันดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตมันหยุดนิ่งและมืดมิดไปเสียทั้งหมด คิดอะไรไม่ออกนอกจากร้องไห้ด้วยความแค้นใจและเสียใจอย่างที่สุด ชีวิตที่กำลังนับหนึ่ง สอง สาม และ สี่ ห้า ต้องกลับมาติดลบอีกครั้ง ทั้งๆที่แตบไม่ได้ทำความผิดอะไร

นับจากวันที่ถูกไล่ออกจากงาน แตบปล่อยให้ตัวเองจมปลักอยู่กับความสับสนเสียใจอยู่หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ เมื่อรู้สึกดีขึ้น แตบจึงเริ่มคิดได้ว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องจมอยู่กับสิ่งเลวร้ายอีกต่อไป แตบยังมีชีวิตของตัวเองให้รับผิดชอบ มีค่าใช้จ่ายและหนี้สินรอให้แตบต้องหาเงินมาชำระสะสางอีกมากมาย ดังนั้นแตบจึงกัดฟันลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ด้วยการตระเวนหางานตามข่าวรับสมัครในหนังสือไปทั่วไม่เว้นแต่ละวัน แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีที่ไหนรับแตบเข้าทำงานเลยสักแห่ง บ่อยครั้งที่แตบต้องทนหิวเป็นวันๆเนื่องจากไม่มีเงินกินข้าว ยิ่งใกล้ถึงกำหนดการจ่ายค่าเช่าห้อง แตบก็ยิ่งกังวลและคิดมากเป็นสองเท่า ช่วงนี้เองที่แตบเริ่มหยิบยืมเงินจากเพื่อนฝูงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเพื่อนฝูงกลุ่มนี้จะรู้จักคบหากับแตบได้ไม่นาน แต่หลายคนก็ให้ความช่วย เหลือแตบด้วยดี มีหลายคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนแตบเป็นระยะ ต่างกับเพื่อนที่ทำงานอีกแห่งที่ถึงแม้จะคบหากันมาช้านานแต่ในยามที่แตบถึงคราวลำบากบ้างกลับหาสิ่งที่เรียกว่า "น้ำใจ" ไม่ได้เลยสักหยด ในช่วงที่แตบกำลังอับจนหนทางนี้เอง ที่แตบได้รู้จักกับเพื่อนร่วมแผนกของแฟน เธอชื่อ"พี่ฉวีวรรณ" เป็นพนักงานตำแหน่งทำความสะอาดในโรงแรมที่แตบถูกไล่ออกนั่นเอง ก่อนนี้เราแทบไม่ได้พุดคุยทักทายอะไรกันมากนัก แต่หลังจากที่แตบตกงาน เธอกลับเป็นคนที่แวะเวียนมาให้ความช่วยเหลือกับแตบมากที่สุด มากเสียจนแตบต้องออกปากปฏิเสธไปนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความเกรงใจ แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะช่วยเหลือแตบให้ได้และก็ช่วยมาโดยตลอดโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

ในช่วง 3 เดือนแรกที่แตบกับแฟนไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันเพราะงั่นไขของกองร้อยที่แฟนประจำการอยู่นั้น กำลังใจใหญ่หลวงจากเพื่อนที่ชื่อพี่ฉวีวรรณนี้แหละค่ะ ที่ทำให้แตบเข้มแข็งพอที่จะประคองชีวิตของตัวเองให้หยัดยืนต่อไปได้ ในชีวิตของแตบเคยมีผู้คนให้การดูแลอุ้มชูมามากหน้าหลายตา ต่างกรรมต่างวาระ แต่มีผู้หญิง 2 คนที่มีบุญคุณล้นเหลือกับแตบ คือแม่ ผู้ที่ให้ชีวิตและเลี้ยงดูแตบจนเติบใหญ่ กับพี่ฉวีวรรณ ที่เป็นเสมือนผู้ต่อชีวิตให้แตบได้มีลมหายใจในยามยาก แม้เธอจะเป็นเพียงพนักงานทำความสะอาดที่หลายคนมองไม่เห็นคุณค่า แต่น้ำใจของเธอประเสริฐเกินมนุษย์จริงๆค่ะ หลังผ่านพ้นช่วงฝึกหนัก 3 เดือนแรก ทางกองร้อยก็อนุญาตให้ทหารใหม่กลับไปเยี่ยมบ้านได้เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็ปล่อยกลับทุกเสาร์-อาทิตย์ แฟนแตบจึงมีโอกาสกลับมาเยี่ยมแตบทุกสัปดาห์ และไม่ลืมที่จะให้เงินเดือนทั้งหมดในทุกๆเดือนกับแตบเพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่อไป ด้วยความช่วยเหลือจากคนรักและเพื่อนๆที่แสนดีนี้เองที่ทำให้แตบยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและเป็นภาระให้คนรอบข้าง แม้จะพยายามขนขวายหางานเท่าไรมันก็ไร้ผล นี่ถ้าไม่มีแตบอยู่เป็นภาระอีกต่อไป ชีวิตของคนรอบข้างก็คงจะดีขึ้นกว่านี้ไม่น้อย

เชื่อหรือเปล่าคะ?..ไม่มีวันไหนเลยที่แตบจะหลับตาลงได้สนิท ในสมองมีแต่เรื่องครุ่นคิดวุ่นวายเต็มไปหมด เหมือนบางครั้งมันจะระเบิดออกมานอกกะโหลกเสียให้ได้ นี่นะหรือ อดีตเด็กหญิงจอมแก่นแสนซนที่ชีวิตเคยเต็มไปด้วยความสุขสมหวัง..แล้วตอนนี้ เด็กหญิงคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?

ปล.บอกคุณผู้อ่านก็ได้ค่ะว่าโรงแรม "เฮ็งซวย" ที่หาทางไล่แตบออกโดยที่แตบไม่ได้ทำความผิดชื่ออะไร.."โรงแรมเดอะสุโขทัย" ค่ะ

5 ความคิดเห็น:

memorry กล่าวว่า...

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ขอให้ปีนี้คุงพี่มีความสุขม๊าก ๆ นะคะ

คิดสิ่งได้ก้อขอให่สมปรารถนา ร่ำรวย ๆ นะคะ

someone กล่าวว่า...

สู้ๆ นะ ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

Madame Tabb กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะทุกคน
เรื่องที่เล่ามันผ่านไปหลายปีแล้วค่ะ แค่นำมาแชร์ประสพการณ์ให้อ่านเท่านั้นเอง
สรุปแล้ว ปัจจุบันแตบเข้มแข็งและสบายดีมากๆแล้วค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องราวคุณ แตบ เหมือนชีวิตจริงดิฉันเลยค่ะ เคยทํางานโรงแรมเหมือนกัน แผนกแม่บ้านเหมือนกัน พนักงาน Temporary เหมือนกัน จะได้บรรจุเหมือนกัน ถูกเลิกจ้างเหมือนกัน ถ้าชีวิตไม่มีสิ่งไม่ดี เราจะเจอสิ่งที่ดีหรือคะ ตอนนี้ดิฉันคิดว่าโมกนะที่ไปเป็นพนักงานแม่บ้าน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก ๆ นะค่ะสำหรับบทความดีๆ