วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อวสานของแมวจรจอมเกเร

มีใครยังพอจะจำ "เทาเทา" แมวจรเพศผู้จากบทความ
   http://madametabb.blogspot.com/2010/10/blog-post.html ได้หรือเปล่าคะ? หลังจากที่มันตามติดเจ้า "ศุภโชค" เพื่อแวะเวียนมาอาศัยกินอยู่หลับนอนที่หลังบ้านแตบได้ระยะหนึ่ง จู่ๆมันก็ชิงลาโลกใบเล็กของมันไปก่อนคู่หูเมื่อช่วงค่ำวานที่ผ่านมานี้เอง



ภาพของเทาเทาขณะที่ยังปกติดี
เทาเทาคือแมวจรสายพันธุ์วิเชียรมาศลูกผสม นิสัยขี้ระแวงตัวหนึ่ง ที่มักปีนกำแพงเข้ามาอาศัยหลับนอนบริเวณหลังบ้านของแตบอยู่เป็นประจำ แม้ไม่ได้อาศัยอยู่อย่างถาวร แต่ก็แวะเวียนมาให้เห็นหน้าอยู่บ่อยๆ  อาจเป็นเพราะต้องเร่ร่อนจรจัดในโลกอันโหดร้ายมาตลอดชีวิตนั่นเอง ที่ทำให้มันมีพฤติกรรมหวาดระแวงจนแสดงความก้าวร้าวออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ถึงครอบครัวของแตบจะเอ็นดู ให้ข้าวให้น้ำและที่หลับนอนอันอบอุ่นปลอดภัยแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยยอมให้แตะตัวหรือเข้าใกล้เป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยความสกปรกมอมแมมและแผลเหวอะหวะเรื้อรัง ที่ไม่เคยหายขาดสักที ต่างกับเจ้าศุภโชคคู่หูของมัน ที่ปัจจุบันยอมให้จับอาบน้ำและป้อนหยูกยาง่ายดายโดยไม่มีอาการขัดขืน เหมีอนแต่ก่อน



บริเวณหลังบ้าน เส้นทางสัญจรของเหล่าแมวจรจัด

ครั้งหลังสุดที่เจ้าเทาเทามาหาแตบคือเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมนี้เอง มากินข้าว แล้วก็เผ่นหนีไปบนกำแพงหลังบ้านตามวิสัย วันนั้นแตบสังเกตเห็นว่ามันดูเซื่องซึมและซูบผอมไปจากเดิมบ้าง กว่าจะเจอตัวอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อมันหอบสังขารเดินโซเซอยู่บริเวณบ้านร้างที่หน้าซอย  จากแมวที่เคยดุดันก้าวร้าว กลายเป็นซากแมวซูบผอมเหลือแต่กระดูกที่แทบพยุงตัวไม่ไหว ตาสองข้างปิดมิดด้วยขี้ตาและน้ำหนอง ปากเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง แม้จะรู้แน่ว่ามันไม่มีทางรอด แต่แตบกับพี่ๆเพื่อนบ้านที่รักสัตว์ต่างก็ช่วยกันดูแลมันเป็นอย่างดี แตบไม่ทราบหรอกว่า ทำไมมันถึงยอมให้เราจับมาปฐมพยาบาลแต่โดยดี แตบรู้แค่ว่า ตอนที่แตบเช็ดทำความสะอาดตาจนมันสามารถมองเห็นได้อีกครั้งนั้น มันมองหน้าแตบด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แตบรับอาสานำเจ้าเทาเทามาดูแลเองที่บ้าน เพื่อความสะดวกในการป้อนข้าวป้อนยายื้อชีวิตของมัน แม้จะรู้ดีว่า "เอดส์แมว" ระยะสุดท้ายไม่มีทางรักษาได้ก็ตาม


สภาพเจ้าเทาเทาขณะล้มป่วยด้วยโรค "เอดส์แมว" ระยะสุดท้าย

ในที่สุดลมหายใจเฮือกสุดท้ายของแมวจรจัดก็สิ้นสุดลงในค่ำคืนวันที่ 5 ก.พ.54  พร้อมเสียงร้องคำเดียวคำสุดท้าย คล้ายกับจะบอกลาการผจญภัยในโลกใบเล็กของมัน


ปล.ข้อมูลเรื่อง "โรคเอดส์แมว" ติดตามอ่านได้ที่นี่ค่ะ http://atcloud.com/stories/74594


วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

One moment in time

มีบล็อกเป็นของตัวเองมาได้ปีกว่าๆแล้ว แต่แตบไม่ค่อยได้โพสผลงานที่เป็นรูปธรรมของตัวเองจริงจังสักที  ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางการเล่าประสบการณ์ชีวิตในแง่มุมต่างๆมากกว่า 
ไหนๆก็มีรูปถ่ายและเรื่องราวที่เป็น One moment in time ของตัวเองเก็บไว้แล้ว เลยถือโอกาสนำมาโพสแบ่งปันให้ได้ชมกันค่ะ

หากใครเคยอ่านบล็อกของแตบมาบ้างแล้ว ก็คงพอจะทราบว่าแตบมีอาชีพพนักงานโรงแรมมาก่อน แต่ด้วยความที่มีพื้นฐานด้านศิลปะและรักการขีดๆเขียนๆนี้เอง ที่ทำให้แตบมีโอกาสได้แสดงฝีมือทางด้านการออกแบบเสื้อผ้าเรื่อยมา แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จจนสามารถยึดเป็นอาชีพได้ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าได้ทำให้ความฝันในวัยเรียนเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจนขึ้นมาบ้าง การที่ได้เห็นชุดจากจินตนาการของตัวเองถูกตัดเย็บออกมาให้นางแบบได้สวมใส่จริงต่อหน้าสาธารณชนนั้นนับเป็น One moment in time อย่างหนึ่ง ที่แตบแอบภูมิใจเสมอมา

ภาพผลงานดีไซน์ในช่วงแรกๆ

ปี 2004 : ชุดใบตองแห้ง ที่ได้รับรางวัล 1 ใน 10 ผลงานยอดเยี่ยมในการประกวดดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ เพื่อคัดเลือก 10 ผลงานไปประกวดระดับนานาชาติที่ฝรั่งเศส

ปี 2005 : ชุดกะเหรี่ยงคอยาวประยุกต์ ได้รางวัลเดียวกับปี 2004


ปี 2007 : ออกแบบชุดราตรีให้น้องกวาง Miss thailand universe ในการประกวดนางงามจักรวาลที่ประเทศเม็กซิโก(ต้นฉบับของแตบเป็นราตรียาว แต่ทางร้าน AMORE แก้ไขเป็นราตรีสั้น เพื่อความเหมาะสมในโอกาสสวมใส่)



ปี 2008 : เป็นดีไซน์เนอร์งานเปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ BSC PANADDA


ปี 2009 : ออกแบบชุดราตรียาวให้ ไข่มุก ชุติมา ดุรงค์เดช(ภาพวาดต้นฉบับคือชุดสีฟ้า) ในการประกวดนางงามจักรวาลที่บาฮามาส(ตัดเย็บโดย AMORE)





นั่งนึกๆดูแล้ว ความจริงแตบก็ทำอะไรได้หลายอย่างนะคะ แต่กลับนำมาประกอบเป็นอาชีพไม่ได้เลยสักทาง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเรื่องของโอกาส และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความซื่อและใจดีเกินกว่าจะมองทุกอย่างเป็นธุรกิจนั่นเอง แตบเลยต้องหวิดจะอดตายเพราะไม่มีข้าวสารกรอกหม้ออยู่บ่อยๆ จะโทษใครล่ะคะถ้าไม่ใช่ตัวเอง 555