วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กำลังใจ

รู้สึกแย่จังที่ วันนี้นึกอยากเขียนเล่าอะไรสักอย่าง แต่ก็ยังหาทิศทางในการเล่าให้ตรงประเด็นไม่สำเร็จสักที ทั้งที่ลงมือเขียนไปหลายบรรทัดแล้วแต่ก็ต้องตัดใจลบทิ้งไปหลายเที่ยวเช่นกัน อาจเป็นไปได้ว่าความเครียดกับเหตุจราจลของบ้านเมืองเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมายังคั่งค้างอยู่ในหัวแตบนั่นเอง
 สำหรับคนที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยตรงจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ตามย่านต่างๆของ กทม.แล้ว ระยะแรกๆแตบแค่เพียงรู้สึกเบื่อหน่ายและรำคาณในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ความรู้สึกดังกล่าวกลับถูกเพิ่มพูนสั่งสมขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ควบขนานไปกับระดับการชุมนุมที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น เหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม และกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดี ถูกสื่อต่างๆนำเสนอให้รับทราบเรื่อยมาในแต่ละวัน กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ในเวลา 13.00 น.โดยประมาณ แกนนำได้ประกาศยุติการชุมนุมและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังขึ้นสลับกับเสียงโห่ร้องแสดงการไม่เห็นด้วยของผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่ง แต่แตบก็เชื่อว่าคนไทยค่อนประเทศที่เฝ้ารอคำๆนี้มานานเกินกว่าเดือน คงหายใจโล่งและคิดถึงวันฟ้าใสไว้ล่วงหน้าไปตามๆกันแน่นอน แต่แล้วความฝันที่จะเห็นวันฟ้าใสของคนไทยกลับถูกทำลายจนย่อยยับโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ยอมยุติ ได้ลุกฮือออกอาละวาดเผาทำลายทรัพย์สินสาธารณะตามสถานที่สำคัญหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ในเวลานั้น ไม่ว่าจะหันหน้าไปเสพสื่อทางช่องทางใด ก็ล้วนแล้วแต่มีภาพแห่งความย่อยยับเสียหายไม่ต่างกับภาวะสงครามออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนไทยกลุ่มหนึ่งที่อ้างการทวงถามหาประชาธิปไตยเรื่อยมาจะทำร้ายประเทศของตัวเองได้ถึงเพียงนี้..เพื่ออะไร?!
 ยังไม่ทันที่แตบจะคิดอ่านอะไรให้ดีขึ้นได้ ข้อความจากแฟนแตบที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจุดจราจลก็ถูกส่งเข้ามาให้วิตกเข้าไปอีก
"ถ้าเกิดอะไรขึ้น รหัส ATM.ของผมเหมือนกันทุกใบนะ"
ถ้าใครเป็นแตบในตอนนั้นก็คงใจหายไปพักใหญ่เหมือนกัน โชคดีที่ระบบโทรศัพท์ในกรุงเทพฯยังพอใช้งานได้อยู่บ้าง ถึงแม้จะติดๆดับๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้แตบติดต่อกับแฟนได้เป็นระยะ แตบเชื่อว่าในภาวะการณ์เช่นนี้ คำพูดเพียงไม่กี่คำของคนที่รักและห่วงใยกันนั้น มันอาจเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าเสื้อเกราะกันกระสุนด้วยซ้ำไป
หลังจากที่พูดคุยทางโทรศัพท์กับแฟนได้สักพัก แตบก็นั่งติดตามข่าวทางโทรทัศน์พลางคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยตามประสา คิดถึงเพื่อนคนโน้น คิดถึงน้องคนนี้ คิดแม้กระทั่งว่าแม่และพี่ๆที่ต่างจังหวัดจะรู้ข่าวคราวความวุ่นวายในกรุงเทพฯบ้างหรือเปล่า ถ้ารู้แล้วจะเป็นห่วงแตบหรือไม่..ทำไมไม่มีใครคิดจะโทรถามสารทุกข์สุขดิบของแตบบ้างล่ะ? นี่ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ แม่และพี่ๆคงคิดว่าแตบจะต้องเข้มแข็งเหมือนที่ผ่านๆมาอีกตามเคย ทั้งที่ความจริงแล้ว แตบเองก็มีภาวะอ่อนแอและต้องการกำลังใจอยู่บ่อยๆ ด้วยซ้ำไป
 "กำลังใจ" เป็นเพียงสิ่งนามธรรม ที่ถึงแม้จะสูดดมไม่ได้เหมือนอากาศ กินไม่ได้เหมือนอาหาร และดื่มไม่ได้เหมือนน้ำ แต่มันก็มีอานุภาพพอที่จะขับเคลื่อนชีวิตของคนเราให้ก้าวเดินต่อไปได้ ด้วยความเข้มแข็งเสมอมามิใช่หรือ?
นี่ขนาดแตบเองไม่ได้รับผลกระทบจากการจราจลโดยตรง ยังรู้สึกย่ำแย่ถึงเพียงนี้เลย แล้วคนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยตรงล่ะ จะแย่แค่ไหน ท่ามกลางภาวะวิกฤตของบ้านเมืองในเวลานี้ หากใครก็ตามที่ผ่านมาพบบทความของแตบ ขอให้รู้ว่าแตบเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พวกคุณเสมอ ทั้งทหาร-ตำรวจ และพ่อค้า,ประชาชนที่เดือดร้อนเสียหาย ขอให้เข้มแข็งและพบทางออกที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไปในเร็ววันค่ะ
ท้ายสุดของบทความนี้ แตบอยากกล่าวขอบคุณน้องคนหนึ่งที่มีน้ำใจโทรกลับมาพูดคุยและให้กำลังใจแตบ หลังจากที่ระบบโทรศัพท์ของพวกเราต่างมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง คำพูดเพียงไม่กี่คำของคุณทำให้แตบรู้สึกว่ายังมี "เพื่อนดีๆ" หลงเหลืออยู่บ้าง ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ