วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

คน(หมู่)บ้านเดียวกัน

ช่วงนี้อากาศแปรปรวนไม่แพ้อารมณ์ของมาดามแตบเลยทีเดียวเชียวค่ะ เพราะเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น ไม่รู้ว่าธรรมชาติต้องการจะบอกอะไรกับเรา แต่ที่แน่ๆ มันน่าจะไม่ใช่ลางดีหรอกนะคะ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ระยะหลังๆมานี้มักเกิดภัยวิบัติรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง จนผู้คนทั่วโลกเดือดร้อน และบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ หรือว่าถึงเวลาแล้วที่ธรรมชาติจะเอาคืนบ้าง..หลังจากปล่อยให้มนุษย์ย่ำยีมานาน!?
วกลับมาเข้าเรื่องที่แตบจะเล่าดีกว่านะคะ ด้วยเหตุที่ว่าช่วงนี้อากาศแปรปรวนนี่แหละ ที่ทำให้ร่างกายแตบปรับตัวรับสถานการณ์ไม่ทันจนถูกไข้หวัดใหญ่เล่นงานในที่สุด โชคดีที่"ไข้หวัดใหญ่" กลายเป็นโรคประจำตัวสำหรับแตบไปแล้ว(เป็นทุกปี..ปีละครั้ง) ครั้งนี้แตบจึงรับมือกับมันได้ไม่ยากเย็นนัก หลังจากที่ใช้เวลาจัดการอยู่ 3- 4 วัน อาการเจ็บไข้ก็ทุเลาเบาบางจนหายเป็นปลิดทิ้งในที่สุด พอสร่างไข้ก็นึกถึงอะไรที่เปรี้ยวๆแซ่บๆขึ้นมาทันที และสิ่งที่แตบนึกถึงเป็นอันดับแรกเลยก็คือ.."มะม่วงน้ำปลาหวาน"(จริงๆแล้วนึกอยากกินมาหลายวันแล้วล่ะ แต่ขี้เกียจออกไปซื้อหาซะมากกว่า อิอิ)

ทุกวันพุธ และ เสาร์ ที่หมู่บ้านแตบจะมีตลาดนัด ที่ขายอาหารการกินและผลไม้ตามฤดูกาล ช่วงนี้มีมะม่วงสุกและดิบมาวางจำหน่ายมากมายหลายเจ้า และแล้วแตบก็ได้มะม่วงแรดแก่จัดมา กิโลกรัมเศษๆด้วยราคาเพียง 20 บาทเท่านั้นเอง กะว่าจะกลับไปทำน้ำปลาหวานกินให้หายอยากไปเลย แต่ร้านขายหอม-กระเทียมเจ้าประจำดันมาทะลึ่งหยุดโดยไม่ทราบสาเหตุเสียนี่(ต้องการหอมแดง) ด้วยความปราถนาแรงกล้าที่จะกินมะม่วงน้ำปลาหวานให้ได้ภายในวันนี้ แตบจึงปั่นจักรยานเพื่อนยากตระเวนถามตามร้านชำทั่วหมู่บ้าน แต่ก็ผิดหวังมาตลอด กระทั่งมาเจอร้านชำเล็กๆอีกร้าน ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากซอยบ้านแตบเท่าไรนัก(ไม่เคยเห็นมาก่อน) แต่แล้วคำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" ตอนนั้นแตบเริ่มถอดใจอยู่พอดี กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะดั้นด้นออกไปซื้อที่อีกหมู่บ้านหนึ่งดีมั๊ย เพราะเวลานั้นก็มืดค่ำแล้ว ถ้าไปจะปลอดภัยระหว่างทางหรือเปล่า? แต่จู่ๆก็มีคุณลุงท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับถามว่า "ใช้เยอะหรือเปล่า? ถ้าไม่เยอะผมจะแบ่งที่บ้านมาให้" แตบไม่รอช้าที่จะตอบคำถามและกล่าวขอบคุณท่านด้วยความซาบซึ้งใจ คุณลุงเดินนำแตบไปที่บ้านของท่าน ระหว่างหยุดรอที่หน้าประตูรั้ว แตบเห็นกล้วยไม้ป่านานาชนิดแขวนเรียงรายอยู่เต็มไปหมด(เยอะกว่าบ้านแตบอีก) สักพักท่านก็กลับออกมาพร้อมหอมแดงมัดย่อมๆ แตบไม่รีรอที่จะไหว้ขอบคุณพร้อมหยิบยื่นเงินให้เป็นการตอบแทน แต่คุณลุงก็ปฏิเสธที่จะรับ ท่านบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอกแม่สาวน้อย เราคนหมู่บ้านเดียวกัน ถึงจะไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ถ้ามีวาสนาได้แบ่งปันช่วยเหลือกัน เราก็ควรทำ" คำพูดของคุณลุงสร้างความประทับใจให้แตบเกินบรรยายเหลือเกิน แต่ถึงอย่างไรแตบก็ยังยืนยันที่จะให้เงินเป็นค่าตอบแทนกลับไป "เงินนี่ไม่มากมายอะไรเลยนะคะคุณลุง ถือเสียว่าให้แตบมีโอกาสตอบแทนลุงบ้างก็แล้วกัน..ไม่งั้นแตบคงกินมะม่วงน้ำปลาหวานไม่อร่อยแน่ๆ"


หลังจากหยิบยื่นเงินค่าหอมแดง และสนทนากับคุณลุงเรื่องกล้วยไม้ป่าได้สักพัก แตบจึงขอตัวกลับมาจัดการกับมะม่วงน้ำปลาหวานด้วยความเอร็ดอร่อยสมใจอยาก แม้ว่าฝีมือการปรุงน้ำจิ้มของแตบจะยังไม่เข้าขั้น "เทพ" ก็ตามที
 เหนือสิ่งอื่นใด วันนี้แตบรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เพราะยิ่งนึกย้อนไป-มาถึงเหตุการณ์ภายในแต่ละวันที่ผ่านพ้น แตบก็ยิ่งได้พบว่า มีน้ำใจไหลวนเวียนระหว่างแตบกับคนร่วมหมู่บ้านอย่างไม่หยุดหย่อนเสมอมา แตบเชื่อเหลือเกินว่า..แม้ว่าดินฟ้าอากาศจะผันเปลี่ยนปรวนแปรสักแค่ไหน ตราบใดที่สังคมไทยยังเต็มเปี่ยมด้วย "น้ำใจ" ตราบนั้นชีวิตไม่ไร้สุขแน่นอน